3 เหตุผลที่ทุกแบรนด์ให้ความสำคัญกับ SEO
SEO หรือ Search Engine Optimization คือ การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้น ๆ บนหน้าแสดงผลการค้นหาของเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เช่น Google โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ และเพิ่มการมองเห็นให้กับแบรนด์ ผ่านการสร้างคอนเทนต์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ซึ่ง SEO เป็นหนึ่งช่องทางการตลาดการตลาดที่แบรนด์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ โดยมีเหตุผลสำคัญต่อไปนี้
ยกระดับ Brand ให้ค้นหาเจออยู่เสมอ
เมื่อเราได้เป็นตัวเลือกแรกของ Google คนย่อมเห็นแบรนด์ของเรามากขึ้น การรับรู้ตัวแบรนด์ (Brand Perception) จะตามมาทันที นอกจากนั้น คอนเทนต์ SEO ยังสร้างภาพลักษณ์ว่าแบรนด์มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หากคอนเทนต์ที่ทำขึ้นมาสามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้ ลูกค้าจะพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์ จดจำแบรนด์ได้ จนอาจมัดใจลูกค้า หรือเรียกว่าทำให้ลูกค้ามี Brand Loyalty ได้ในที่สุด
ยิ่งหากเราทำธุรกิจท้องถิ่นเป็นแบรนด์เล็ก ๆ การทำ SEO สำหรับธุรกิจท้องถิ่นโดยเฉพาะที่เรียกว่า Local SEO จะทำให้คุณสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกแรก ๆ ในย่านนั้นได้
กระจายเข้าสู่ทุกการค้นหา ช่วยสร้างยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
SEO มีค่าเฉลี่ยของยอดขายสินค้าจริงเทียบกับยอดคลิกเข้าชม (Conversion Rate) สูงกว่าการตลาดอื่น ๆ หรือแปลว่า ลูกค้าเข้ามาแล้วซื้อของจริงๆ มากกว่าคลิกเข้ามาดู แล้วคลิกออก เนื่องจาก
- คนที่เข้ามาอ่านคอนเทนต์เป็นกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว เช่น คนที่จะมาเจอคอนเทนต์การเลือกกีตาร์สำหรับมือใหม่ในเว็บไซต์แบรนด์กีตาร์ของเรา ก็คือคนที่กำลังค้นหาวิธีการเลือกกีตาร์สำหรับมือใหม่นั่นแหละ แปลว่าเรากำลังได้โอกาสในการเสนอขายกีตาร์ให้กับคนที่สนใจเล่นกีตาร์นั่นเอง
- SEO ต้องใช้การออกแบบเว็บไซต์ที่เป็นระบบ ทำให้เว็บไซต์เป็นมิตรกับผู้ใช้งานไปด้วย เรียกว่าเป็นการสร้างเส้นทางประสบการณ์ผู้บริโภค (Customer Journey) ที่ดีโดยอัตโนมัติ จึงพาผู้ใช้งานไปสู่การตัดสินใจซื้อได้อย่างลื่นไหล
การติดอันดับนั้นจะไม่เสียค่าคลิก และหากทำถูกวิธีจะติดอันดับอย่างยั่งยืน
การทำ SEO มีอีกหนึ่งข้อดีที่แตกต่างกับการทำการตลาดออนไลน์รูปแบบอื่น ๆ คือ เมื่อเว็บไซต์หรือเว็บเพจของเราติดอันดับบน Google ได้เยอะ ก็สามารถลดราคาต่อคลิก (CPA) ของโฆษณาในช่องทางอื่น ๆ ของเราไม่ว่าจะเป็น Facebook, IG, หรือ Social Media ลงได้ด้วย เนื่องจากเกิด Brand Awareness มาจากการทำ SEO อยู่แล้วนั่นเอง
SEO และ SEM ต่างกันอย่างไร
SEO และ SEM นั้นฟังดูมีความคล้ายกันมาก แต่จริง ๆ แล้วทั้ง 2 อย่างมีความแตกต่างกันในรายละเอียดที่ไม่ควรพลาด
โดย SEO คือการขึ้นอันดับบน Google โดยการขึ้นแบบธรรมชาติ หรือ Organic เป็นหลัก ซึ่งการทำนั้นจะมีหลากหลายส่วน แต่สุดท้ายแล้ว SEO คือการทำเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์เนื้อหาของ User ไม่ว่าจะเป็นในส่วนการให้ความรู้ หรือในส่วนบริการเองก็ดี
ส่วน SEM นั้นคือการขึ้นอันดับโดยการใช้เงิน หรือที่มีมาตฐานการคิดแบบ CPC (Cost Per Click) ที่จะสามารถขึ้นอันดับได้ในทันที และผู้คนสามารถเข้ามาหาเว็บไซต์เราได้โดยการใช้เงินเป็นหลัก
แหล่งที่มา : minimicegroup.co.th